วิธีการ Check in สายการบิน มีอะไรบ้าง?
ก่อนขึ้นเครื่อง ต้อง check in…
สำหรับ เพื่อนๆ ที่ต้องบินเป็นครั้งแรก คงมีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และหากต้องเดินทางไปคนเดียวแล้ว ยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษเลย เพราะไม่รู้ว่าไปถึงสนามบินแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไรดี (สำหรับผู้ที่เดินทางเป็นหมู่คณะ ก็คงไม่ต้องกังวล เพราะธุระทุกอย่างจะมีผู้นำทัวร์เป็นคนคอยจัดการให้ทั้งหมดอยู่แล้ว)
การ check in นั้นไม่มีขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยาก หากเป็นการบินเที่ยวบินภายในประเทศ เนื่องจากขั้นตอนไม่ยุ่งยากมากมาย แต่ที่น่ากังวลดูน่าจะเป็นการบินพื่อเดินทางไปต่างประเทศนั่นเอง เรามาศึกษาข้อมูลการ check in กันเลยดีกว่า
การบินเที่ยวบินต่างประเทศสิ่งที่ต้องมี
*** ทั้งสี่ข้อนี่เป็นสิ่งจำเป็น ต้องเอาไปให้ครบ
เอาเป็นว่าตอนนี้ คุณพร้อมจะเดินทางออกจากบ้านแล้ว เราขอแนะนำว่า หากครั้งนี้เป็นการเดินทางไปเมืองนอกครั้งแรกของคุณจริงๆ คุณควรจะกะเวลาให้ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยอย่างน้อยคุณยังมีเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเครื่องขึ้น เพราะว่า
เมื่อเดินทางถึงสนามบิน และอาคารผู้โดยสารขาออกแล้ว ภายในอาคารนั้นคุณก็จะเห็นแถวเรียงรายเต็มไปหมด และมีการลำดับด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษเช่น เคาเตอร์ A, B, C, D ฯลฯ พร้อมสัญลักษณ์ของสายการบินต่างๆ บริเวณแถวเหล่านี้มีไว้ สำหรับการตรวจตั๋วโดยสารและรับบัตรสำหรับขึ้นเครื่อง อธิบายได้ดังนี้ คือ เจ้าตั๋วโดยสารที่เรามีอยู่นี้ ยังไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ทันที คุณจะต้องไปให้เจ้าหน้าที่แต่ละสายการบินตรวจและออกบัตรให้อีกหนึ่งใบ (ต่อ 1 คน) เรียกว่าบัตรขึ้นเครื่อง ( boarding pass) เจ้าบัตรนี้แหล่ะจะบอกเราว่าต้องไปขึ้นเครื่องที่ประตูไหน นั่งแถวที่เท่าใด และเก้าอี้ตัวไหน (ติดหน้าต่าง ติดทางเดิน หรือตรงกลาง) ที่ตรงนี้นอกจากคุณจะต้องตรวจรับบัตรขึ้นเครื่องแล้ว ยังเป็นที่ x-ray ที่จะฝากสายการบินไปเก็บที่ใต้ท้องเครื่องบินก็จะอยู่บริเวณทางเข้า
หากคุณตาลายว่าจะต้องไปที่เคาเตอร์ไหน คุณสามารถตรวจสอบได้จากจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งกระจายอยู่ว่า สายการบินที่คุณจะเดินทาง และเที่ยวบินที่คุณต้องโดยสาร ตั้งอยู่ที่เคาเตอร์ที่เท่าไหร่ จากนั้นก็มองหาเคาเตอร์ตามหมายเลขที่ระบุไว้บนจอ และเดินเข้าไปได้เลย
ก่อนที่จะเริ่มเช็คอิน คุณเองก็ควรจะเช็คให้ดีก่อนว่า มีสิ่งใดที่คุณจำเป็นต้องใช้ระหว่างเดินทาง เพราะเมื่อส่งกระเป๋าสัมภาระ ของคุณเข้าไปแล้ว คุณก็จะไม่สามารถรื้อหรือหยิบของของคุณได้อีก ดังนั้นให้เลือกของที่จำเป็นต้องใช้ขณะอยู่บนเครื่องเช่น ยาประจำตัว แยกมาใส่กระเป๋าเล็กติดตัว หรืออาจจะหนังสืออ่านเล่นซักสองสามเล่ม เอาไว้แก้เซ็ง และสำหรับคนขี้หนาว ติดแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย สำรองไว้หากผ้าห่มบนเครื่องกันหนาวให้คุณไม่ได้มากนัก สำหรับเป้หรือกระเป๋าใบเล็กที่จะนำติดตัวไปกับคุณ สายการบินเกือบทุกสายจะกำหนดน้ำหนักและขนาดเอาไว้ชัดเจน (ส่วนใหญ่จะไม่เกินคนละ 7 กิโลกรัม) ให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ ที่เคาเตอร์เช็คอินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่โดนกักกระเป๋าที่หน้า เครื่องนะ จะหงุดหงิดเสียเวลาเอาเปล่าๆ
เมื่อพร้อมแล้วก็นำกระเป๋าไปเข้าคิวตามเคาน์เตอร์ได้เลย โดยปกติแล้ว สายการบินจะเปิดเคาน์เตอร์ให้เช็คอินได้ มากกว่า 1 แถว ก็เลือกเอาตามใจชอบ แต่ก็ต้องดูเพราะบางแถวจะจัดให้สำหรับ แต่ละชั้นที่นั่งของตั๋วที่เราซื้อมา เมื่อถึงคิวที่เรา ก็ให้ยกกระเป๋าที่ต้องการโหลดไปใต้เครื่องวางบนสายพานสำหรับชั่งน้ำหนัก พร้อมยื่นเอกสารดังนี้คือ passport และตั๋วโดยสาร (ถ้ามีหมายเลขสมาชิกสายการบินที่มีการสะสมไมล์เพื่อแลกตั๋วรางวัลเช่น Royal Orchid Plus ของการบินไทย ก็ให้แสดงด้วย) เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะคืนเอกสารทั้งหมดมาให้ พร้อมกับบัตรขึ้นเครื่อง ( boarding pass) ” ให้คุณขอใบผ่านเข้าออกประเทศไทย (immigration card) ” มาด้วย จากนั้นก็ตรวจเช็คทุกอย่างอีกครั้งว่า เป็นชื่อคุณถูกต้องแล้ว ก็ออกจากแถวมาได้เลย
หลังจากนั้นก็ให้กรอกใบผ่านเข้าออกจากเมืองที่ได้มาให้เรียบร้อย ทั้งขาเข้าและขาออก ถึงเวลานี้แล้ว ให้ลองเช็คเวลาซักนิดว่าเหลือเวลา สักเท่าไหร่ ถ้ามากกว่าหนึ่งชั่วโมง ก็อนุญาตให้คุณไปทำธุระตามที่คุณต้องการ แต่ อย่าทำเอกสารหาย และคอยตรวจสอบเวลาด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราแนะนำว่าคุณควรไปถึงที่หน้าประตูสำหรับผู้โดยสารขาออกประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก เพราะคุณยังต้องผ่านการตรวจเอกสารอื่นๆ อีก บนบัตรขึ้นเครื่องที่ได้รับจากเคาเตอร์มา จะมีเวลา “Boarding Time” หรือเวลาขึ้นเครื่องไว้ให้ ก็ควรจะไปถึงก่อน
ถึงตรงนี้ เราคาดว่าคุณคงมาถึงหน้าประตูทางเข้าสำหรับผู้โดยสารขาออกแล้ว ซึ่งก็จะอยู่ด้านในจากบริเวณแถว ที่คุณไปรับบัตรขึ้นเครื่องมา ที่หน้าประตูนี้จะมีตู้ขายตั๋วภาษีสนามบิน มีทั้งแบบซื้อกับตู้อัตโนมัติ หรือจะซื้อกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ เมื่อซื้อแล้ว คุณก็ยื่นตั๋วภาษีสนามบินพร้อม แสดงเอกสารต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ ต.ม. ตรงประตูทางเข้า จากนั้นคุณก็เดินผ่านไปได้เลย เมื่อเดินเข้าไป จะเห็นแถวตรวจเช็คหนังสือเดินทาง และใบผ่านเข้าออกเมือง ที่คุณได้กรอกไปแล้วนั่นละ สำหรับคนไทยจะเข้าแถวไหนก็ได้เหมือนกันหมด ส่วนเอกสารที่จะต้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่คือ
เจ้าหน้าที่จะฉีกใบออกจากเมืองเก็บไว้ และคืน passport พร้อมใบเข้าเมือง(ที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง) กลับมาให้เรา (โดยปกติเจ้าหน้าที่ไทยจะเย็บติดไว้ในpassport เลยเพื่อกันหาย คุณก็อย่าทำหายเสียเองละ เพราะเวลากลับมาคุณต้องใช้ใบนี้อีกครั้ง) เมื่อรับเอกสารคืนมาแล้ว ก็ให้เดินผ่านเข้าไปประตูที่อยู่ด้านหลังเจ้าหน้าที่ ข้างในก็จะเป็นบริเวณสำหรับผู้โดยสารขาออกทั้งหมด สำหรับรอที่จะขึ้นเครื่อง จะมีที่ให้คุณ shopping อย่างมากมาย หรือจะหาอะไรรับประทาน เข้าห้องน้ำห้องท่า แต่ก่อนอื่น ลองดูนาฬิกาอีกครั้ง ว่ากี่โมงแล้วมีเวลาเหลือเท่าไร พร้อมสังเกตป้ายแสดงเลขที่ประตูขึ้นเครื่องว่าชี้ไปทางไหนไกลหรือเปล่า ทั้งนี้ คุณสามารถตรวจเช็คหมายเลขประตูขึ้นเครื่องของเที่ยวบินคุณได้ จากจอแสดงเที่ยวบิน ซึ่งจะกระจายอยู่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออก อีกด้วย อย่างไรก็ตามเราแนะนำว่าคุณควรไปถึงหน้าประตูก่อนเครื่องขึ้นอย่างน้อย 30 นาที ถ้าคุณมีเวลาพอ ก็ทำธุระหรือ shopping ได้ ณ บริเวณนี้ร้านค้าจะเป็นร้านค้าปลอดภาษี ราคาก็ลองตรวจเช็คกันเอง ขณะที่ซื้อของ หรือทำธุระต่างๆ ก็ให้คอยฟังประกาศเรียกขึ้นเครื่องด้วย
เมื่อถึงเวลาแล้วก็เดินไปที่ประตูได้เลย ที่บริเวณประตูแต่ละหมายเลขจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรขึ้นเครื่อง พร้อม passport และ x-ray กระเป๋าที่คุณถือขึ้นเครื่อง และตรวจเช็ควัตถุที่สงสัยว่าเป็นอาวุธ หรือที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง เสร็จแล้วก็ผ่านไปนั่งรอในห้องรอขึ้นเครื่องได้เลย ตรงนี้คุณก็ต้องแสดงบัตรขึ้นเครื่อง (boarding pass) แก่เจ้าหน้าที่สายการบินอีกครั้ง และคุณได้ผ่านทุกขั้นตอนมาจนเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแต่รอเจ้าหน้าที่ประกาศให้ขึ้นเครื่องเท่านั้น เมื่อเข้าไปในเครื่องก็จัดเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย หากคุณต้องเดินทางไกลมาก และมีของต้องใช้ เช่นยาที่จะต้องรับประทาน ก็ควรจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง จะได้ไม่ต้องลุกขึ้นรื้อกระเป๋าให้เป็นที่วุ่นวายผู้โดยสารท่านอื่นๆ นอกนั้นก็ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของสายการบินที่คุณเลือกใช้บริการ
วิธีการ Check in ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็น คำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินไปยังต่างประเทศ สุดท้ายเราขอให้คุณมีความสุขกับการเดินทาง และ ท่องเที่ยว ตลอดการเดินทาง และ เดินทางโดยสวัสดิภาพ